คำกริยา (Verb)
คือคำที่แสดงการกระทำต่างๆ เช่น กิน ยืน เดิน นั่ง ฯลฯ และคำกริยายังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
1. คำกริยาแท้ คือ คำกริยาที่แสดงการกระทำและต้องสามารถผันได้ในกริยา 3 ช่อง แต่กริยาที่สามารถผันในกริยา 3 ช่องนั้นยังแบ่งการสังเกตประเภทของคำกริยาดังกล่าวคืือ
1.1 คำกริยาปกติ (Regular Verbs) คือคำกริยาที่ผันในกริยา 3 ช่อง โดยการเติม -ed เช่น walk - walked - walked เป็นต้น
1.2 คำกริยาไม่ปกติ (Irregular Verbs) คือคำกริยาที่ผันในกริยา 3 ช่องโดยมีการเปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนเสียงการอ่าน เช่น
go - went - gone (เปลี่ยนรูป)
read (รี๊ด) - read (เรด) - read (เรด) (เปลี่ยนเสียง)
2. คำกริยาช่วย (Auxiliary Verbs) เป็นคำกริยาที่มีความหมายในตัวเองเช่นเดียวกับกริยาแท้ แต่ยังเป็นส่วนที่ทำให้ประโยคสมบูรณ์ และนอกจากนั้น V.to do จะยังเป็นคำแสดงการกระทำเมื่อสร้างประโยคคำถามแบบ yes/no question เช่นเดียวกับ v.to be ท่ี่แสดงสิ่งที่เป็น
กริยาช่วย 24 ตัว
ตระกูล V.to be - is, am, are, was, were
ตระกูล v.to do - do, does, did
ตระกูล v.to have - have, has had
ตระกูล will - will, would, shall, should, can, could, may, might, must, ought (to), need, dare, use
และนอกจากการแบ่งเป็น 2 ชนิดนี้ ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 ชนิดย่อยคือ
1. Transitive Verbs (Vt) คำกริยาที่ต้องการกรรมในการขยายส่วนของการกระทำ เช่น open เปิด ต้องมีกรรมให้รู้ว่า เปิดอะไร เช่น open the door
2. Intransitive Verbs (Vi) คำกริยาที่ต้องมีหรือไม่มีกรรมมารองรับก็ได้ เช่น stand, sleep, swim เป็นต้น
** นักเรียนจะสามารถสังเกตเห็นได้ใน dictionary ซึ่งจะอยู่หลังคำกริยา เช่น open (Vt) เปิด **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น